Last updated: 30 ก.ย. 2567 | 59 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อพูดถึงการสมัครงาน หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Resume และ CV กันมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าแม้สองสิ่งนี้จะมีจุดประสงค์คล้ายกัน คือการแสดงประวัติส่วนตัวเพื่อให้ผู้ว่าจ้างเห็นศักยภาพของผู้สมัครงาน แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกันในแง่ของเนื้อหา ความยาว และการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้น การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Resume และ CV จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้างเอกสารที่เหมาะสมกับการสมัครงานของคุณ และเพิ่มโอกาสในการได้รับการพิจารณาในตำแหน่งงานที่ต้องการ
Resume คืออะไร?
Resume (หรือบางครั้งเรียกว่า “เรซูเม่”) เป็นเอกสารที่มีความกระชับ ใช้เพื่อแสดงประวัติส่วนตัว ประสบการณ์การทำงาน และทักษะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร โดยทั่วไป Resume จะมีความยาวประมาณ 1-2 หน้า เนื้อหามักเน้นไปที่การนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่ต้องการสมัครในปัจจุบันอย่างตรงประเด็น
Resume มักจะใช้ในการสมัครงานทั่วไปในหลายสายอาชีพ เช่น งานด้านการตลาด การบริการลูกค้า การจัดการ หรือแม้แต่งานในภาคธุรกิจ เนื่องจากเอกสารนี้มีความกระชับ จึงช่วยให้ผู้ว่าจ้างสามารถเข้าใจภาพรวมของผู้สมัครได้รวดเร็วมากขึ้น
เนื้อหาที่ควรใส่ใน Resume
ข้อมูลส่วนตัว: ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล ควรอยู่ในส่วนบนของเอกสาร เพื่อให้ผู้ว่าจ้างสามารถติดต่อได้ง่าย
ประวัติการศึกษา: ควรใส่เฉพาะระดับการศึกษาที่เกี่ยวข้อง และเน้นวุฒิการศึกษาสูงสุดเท่านั้น
ประสบการณ์การทำงาน: เลือกนำเสนอประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร โดยระบุรายละเอียด เช่น หน้าที่ที่รับผิดชอบ ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงาน และทักษะที่ใช้ในการทำงานนั้นๆ
ทักษะ: สามารถเป็นทักษะทางเทคนิค หรือทักษะทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับงาน เช่น ความสามารถในการใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ ทักษะการบริหารจัดการ หรือทักษะการสื่อสาร
ความสำเร็จ: อาจรวมถึงรางวัลที่ได้รับ หรือความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากงานที่คุณเคยทำ
การเขียน Resume ที่ดีควรเน้นการใช้ภาษาที่กระชับ และตรงประเด็น หลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัคร เช่น งานพาร์ทไทม์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสายงานที่สมัคร
CV คืออะไร?
CV หรือ Curriculum Vitae เป็นเอกสารที่มีความยาวและรายละเอียดมากกว่า Resume โดยปกติ CV จะมีความยาวประมาณ 2-3 หน้า หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้สมัคร เนื้อหาของ CV จะเน้นไปที่ประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงานทางวิชาการ งานวิจัย และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสายอาชีพนั้นๆ
CV มักถูกใช้ในการสมัครงานในสายงานวิชาการ งานวิจัย หรืองานที่ต้องการการประเมินความสามารถในเชิงลึก เช่น การสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย การสมัครงานในสถาบันวิจัย หรือการสมัครงานในองค์กรที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการ
เนื้อหาที่ควรใส่ใน CV
ประวัติการศึกษา: ควรระบุรายละเอียดเกี่ยวกับระดับการศึกษา สถาบันที่จบการศึกษา และหัวข้อวิทยานิพนธ์หรือโครงการวิจัยที่เคยทำ
ประสบการณ์การทำงานทางวิชาการ: เช่น การเป็นอาจารย์ผู้ช่วย การเป็นผู้ช่วยวิจัย หรือการเป็นผู้สอนในสถาบันการศึกษา
ผลงานทางวิชาการ: เช่น บทความที่ตีพิมพ์ การนำเสนอในที่ประชุมวิชาการ หรือหนังสือที่เขียน
ทักษะเฉพาะทาง: เช่น ทักษะทางวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
รางวัลและทุนการศึกษา: การยกย่องทางวิชาการ รางวัลวิจัย หรือทุนการศึกษาที่เคยได้รับ
การจัดทำ CV นั้นจะต้องใส่ข้อมูลอย่างละเอียดที่สุด เพื่อให้ผู้ว่าจ้างหรือผู้ประเมินสามารถประเมินศักยภาพและความสามารถทางวิชาการของผู้สมัครได้อย่างครบถ้วน
ควรเลือกใช้ Resume หรือ CV?
หากคุณกำลังสมัครงานในสายงานที่เน้นการพิจารณาทักษะและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน เช่น งานด้านธุรกิจ การตลาด หรือการจัดการ Resume จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะสามารถปรับแต่งให้เน้นข้อมูลที่สำคัญและตรงประเด็นมากที่สุด
แต่หากคุณสมัครงานในสายงานวิชาการหรือการวิจัยที่ต้องการรายละเอียดทางวิชาการ CV จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากคุณสามารถแสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการศึกษาและผลงานวิจัยของคุณได้ครบถ้วน
สรุป
Resume และ CV ต่างมีจุดเด่นที่ต่างกัน ดังนั้น การเลือกใช้เอกสารใดเอกสารหนึ่งขึ้นอยู่กับประเภทงานและตำแหน่งที่คุณสมัคร หากต้องการสมัครงานทั่วไปในภาคเอกชน Resume จะเหมาะสมมากกว่า แต่หากเป็นงานในสายวิชาการหรืองานวิจัยที่ต้องการการประเมินเชิงลึก CV คือเอกสารที่คุณควรเลือกใช้
ไม่ว่าคุณจะสมัครงานในสายใด การมีเอกสารที่ถูกต้องและครบถ้วนจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณได้รับการพิจารณามากขึ้น หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการสร้าง Resume หรือ CV ที่เป็นมืออาชีพ Job ดีดี พร้อมให้บริการคุณ
1 พ.ย. 2567
12 พ.ย. 2567
28 ต.ค. 2567